สัญญาณเตือนก่อนที่จะมีหนี้ท่วมหัว !!!
.
“หนี้ท่วมหัว” หรือ “มีหนี้เกินตัว” สองคำนี้มีความหมายรวมในแบบเดียวกัน นั่นคือ การมีรายได้แต่ละเดือนไม่พอผ่อนจ่ายภาระหนี้ที่มี
.
ว่ากันตามจริงสภาวะแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ แต่เป็นสถานะการเงินสะสม ที่มีจุดเริ่มต้นจากการ “ผ่อนจ่ายหนี้แบบขั้นต่ำ” (Minimum Payment) แต่ก็ยังไม่หยุดสร้างหนี้เพิ่ม จนวันหนึ่งที่แม้ผ่อนขั้นต่ำทุกรายการก็ยังผ่อนไม่ไหว
.
ถ้าไม่อยากให้ชีวิตมีหนี้เกินตัว คนเราควรคอยสังเกตชีพจรการเงิน ผ่านตัวชี้วัดที่ชื่อว่า “อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้” (Debt Service Ratio, DSR) ซึ่งคำนวนโดยนำเงินผ่อนชำระหนี้ทุกรายการที่ต้องผ่อนมารวมกัน หารด้วยเงินรายได้ในแต่ละเดือน แล้วคูณด้วย 100
.
อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้ หรือ DSR ในระดับที่กำลังพอดี ก็คือ 40% แต่ทั้งนี้ในบางช่วงอาจยอมให้ถึงระดับ 50% ได้ โดยเฉพาะคนมีภาระผ่อนหนี้สินขนาดใหญ่อย่างเช่น บ้าน หรือรถยนต์ (แต่ต้องไม่เสียสภาพคล่องนะ)
.
หรือพูดให้ง่ายก็คือ ถ้าหาเงินได้ 100 บาท คนเราไม่ควรเหนื่อยกับการผ่อนชำระหนี้เกิน 40 บาท หรือยอมให้สูงสุดที่ 50 บาท มิฉะนั้นเงินสำหรับกินใช้ก็จะน้อยลง และใช้ไม่พอในที่สุด
.
ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 20,000 บาท ผ่อนคอนโดเดือนละ 8,000 บาท ผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาท แบบนี้จะมีเงินผ่อนชำระหนี้ต่อรายได้เป็นเท่าไหร่?
.
ก็ให้เอาค่าผ่อนคอนโด 8,000 บาท บวกด้วยค่าผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาท (รวมเป็น 10,000) หารด้วยเงินเดือน 20,000 บาท คูณด้วย 100 ก็จะได้อัตราส่วนเงินผ่อนชำระหนี้เท่ากับ 50% ซึ่งจัดได้ว่า “ตึงมือได้ที่” แบบนี้เป็นต้น
.
[กรณีรูดบัตรเครดิตแล้วผ่อนชำระเต็มจำนวน ไม่มีภาระผ่อน ไม่มีภาระผูกผันต่อ ไม่มีดอกเบี้ย แบบนี้ไม่ต้องนับรวมเป็นเงิน “ผ่อน” ชำระหนี้ เพื่อคิดคำนวณ DSR นะครับ]
.
ยังไงลองนำวิธีการนี้ไปตรวจเช็คชีพจรทางการเงินของตัวเองดูนะครับ ถ้ากดเครื่องคิดเลขแล้วได้ตัวเลขที่มากเกิน 40-50% อันนี้ก็ต้องควบคุมการสร้างหนี้เพิ่ม รีไฟแนนซ์ แล้วทยอยผ่อนชำระคืนให้หนี้หมดโดยเร็ว แต่ถ้าหากตัวเลขน้อย อันนี้ก็ไม่ต้องไปเพิ่มนะครับ รักษาวินัยการเงินไว้ให้ดีก็พอ
#TheMoneyCoachTH